วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Drive to Ride แปดริ้ว Street Tour (15 กม.)

เวลาจะไปเที่ยวไหน เราก็จะมุ่งไปที่นั่น ไปถึงแล้วก็กลับ แต่ทริปนี้ไม่ใช่ เป็นการปั่นไปเรื่อยๆบนถนน เจออะไรน่าสนใจก็แวะ อยากเข้าซอยไหนเข้า เอาสถานที่สวยๆเป็นจุดเช็กอิน เน้นเที่ยวมากกว่าเน้นระยะทางปั่น เลยเป็นการเอาจักรยานใส่รถยนต์ไปจอดใกล้ๆ ถ้าจะขับรถเที่ยวระยะทางแค่นี้ขับๆจอดๆ หาที่จอดกันวุ่นวาย เดี๋ยวะจอทางวันเวย์ จะซอกแซกซอยเล็กก็ลำบาก และอีกปัญหาอีกอย่างของการขับรถเที่ยวคือเราอยู่ในแอร์มาตลอด พอถึงที่หมายสิ่งแรกที่เรารู้สึกคือ "ร้อนจัง" มันบั่นทอนความสวยงามของที่ที่เราจะเที่นว จะเดินเที่ยวมันก็ไกลไป คงต้องใช้เวลาทั้งวัน ปั่นจักรยานนี่แหละเหมาะที่สุด ปั่นบนถนนเราต้องร้อนอยู่แล้ว แต่แค่เจอเงาไม้เราก็เย็นแล้ว ไปถึงที่หมายเราจะได้โฟกัสกับความสวยงาม ไม่ต้องมาอารมณ์เสียกับอากาศ

วัดโสธรเคยมาหลายรอบ ปั่นมาจากกรุงเทพมันก็เหนื่อยเกินไปที่จะแวะดูโน่นโดูนี่ ทริปนี้เลยปั่นช้าๆดูสองข้างทางชัดๆ ดูซิว่าเมืองแปดริ้วจะมีอะไรบ้าง เส้นทางตามแผนที่ https://goo.gl/maps/hTf6m3uCQQ72 ระยะทางรวมปั่นแวะโน่นแวะนี่วนไปมาไม่ถึง 15 กม.

เริ่มต้นก็เอาจักรยานใส่รถขับมาจากบ้าน มุ่งหน้าตลาดบ้านใหม่ 100 ปี ใกล้ๆตลาดจะมีที่จอดรถฟรีใต้สะพานที่ทางเทศบาลเตรียมไว้ให้ หาที่ร่มๆจอดได้เลย เช้าๆที่จอดว่าง แล้วก็เอาจักรยานลงมาเตรียมไว้ให้พร้อม เราจะเริ่มปั่นจากที่นี่ไปวนในเมืองจนถึงวัดโสธรแล้ววนกลับมาหาอะไรกินในตลาดบ้านใหม่ตอนเที่ยงพอดี


เลี้ยวซ้ายออกมาปุ๊บเจอศาลเจ้าจีนที่มีชื่อไทยๆว่าวัดอุทัยภาติการาม สิ่งก่อสร้างแบบนี้แถวบ้านไม่มี แวะเข้าไปชมสักหน่อย

หน้าวัดจะมีคนคอยบริการนักท่องเที่ยวบอกว่าเข้าไปข้างในได้ โดยมีรายได้จากการขายธูปเทียน

ข้างในก็มีทั้งพระจีนพระไทย แล้วแต่ศรัทธา

ออกจากศาลเจ้าแรกก็มาเจออีกศาลเจ้า เป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำ ตามประวัติที่เขียนไว้บนฝาผนังบอกว่ามีคนแจ้งความว่าเจอศพผู้หญิงลอยน้ำ แต่พอตำรวจไปดูกลับเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่หนัก 40 กก.แต่ไม่จม

เข้าซอยตรงข้ามศาลเจ้า ปกติจะเลี้ยวขวาเข้าเมืองไปวัดโสธร วันนี้เลยเลี้ยวซ้าย^^ เจอโบสถ์คริสต์ในโรงเรียน เอ้า ไทย จีน ฝรั่ง มีครบ ข้างโรงเรียนมีชาพยอมหอมกรุ่น แก้วละ 25 บาท เอาไว้เป็นเชื้อเพลิงในการปั่น^^

เลยร้านชาก็เจอกำแพงกับดอกไม้สวยๆใช้เป็นฉากถ่ายรูปได้ฟรีๆ เห็นไหม นี่ถ้าขับรถมาจะมีใครคิดจะจอดรถลงมาถ่ายรูปไหม

ตามทางไปเรื่อยๆจะไปสุดปลายแหลมที่วัดแหลมใต้ โด่งดังเรื่องมวยไทย ไม่มีทางให้เลียบไม่น้ำไปต่อ เลยต้องย้อนกลับทางเดิม เริ่มตรงซอยตรงข้ามเจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำอีกครั้ง

ข้ามสะพานมาเจอบ้านริมน้ำสวยดี ดูสงบ ร่มเย็น

มีคนเข็นรถขายของขึ้นสะพานมา ยังไม่ทันลงสะพานก็มีมอเตอร์ไซค์มาโบกขอซื้อ 

ข้างสะพานเป็นอาคารตลาดเก่าๆที่ออกแบบไว้สวยมาก ทางเข้าโค้งๆ กระจกสี มีช่องระบายอากาศอย่างดี 

ข้างในก็เป็นตลาดที่ขายของกิน สมัยก่อนน่าจะคึกคักเพราะอยู่ริมแม่น้ำ 

ของเล่นเด็กแนววินเทจจะเห็นได้หลายร้านในฉะเชิงเทรา ช่วงนี้คนกำลังโหยหายุค 90 กันอยู่ด้วย เหมาะที่จะมาเที่ยวแถวนี้

ที่เห็นจากบนสะพานนึกว่าเป็นบ้านคนนั้น พอมาดูใกล้ๆถึงได้รู้ว่าเป็นร้านอาหาร บรรยากาศดีมาก

วิวริมคลอง ตรงหน้าร้าน เห็นบรรยากาศบ้านชาวบ้านริมน้ำ

เจออะไรเก่าๆต้องถ่าย นี่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมู หน้าทางเจ้าร้านบ้านไม้ริมน้ำ

นี่บรรยากาศในร้านบ้านไม้ริมน้ำ

หลังร้านอาหารบ้านไม้ริมน้ำ วิวสวยเลย มีซอยแคบๆให้เข้า

ก็จะไปเจอศาลเจ้าแม่กวนอิมเล็กๆอีกแห่งอยู่ริมน้ำ

ปั่นออกมาจะผ่านย่านการค้าเก่า ร้านค้าเก่าๆเพียบ ป้ายร้านแต่ละร้านนี่คลาสสิคมาก ดูวิวสองข้างทางไปเรื่อย เจออะไรสวยๆก็ถ่าย

แล้วจะไปทะบุตรงศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา อาคารสวยงาม สีเหลืองส้มอร่าม คลาสสิคจริงๆ แต่ปิด เข้าไม่ได้ 

แน่นอนเราไม่ได้สวยงามแค่สิ่งก่อสร้าง วิถีชีวิตผู้คนก็น่าสนใจไม่น้อย

ทุกจังหวัดต้องมีหอนาฬิกา ควรค่าแก่การถ่ายไว้ เพราะไม่เหมือนกันสักจังหวัด

ถัดจากศาลจังหวัดมา ฝั่งขวาจะผ่านสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อาคารทรงเก่าปรับปรุงใหม่ทาสีเหลืองๆสวยงามมาก ฝั่งซ้ายจะเป็นแม่น้ำบางปะกง

ปั่นลอดใต้สะพานก็อย่าได้พลาดกับวิวช่องสี่เหลี่ยมซ้อนๆกันหลายชั้น (ปรับค่า f ในกล้องสูงๆหน่อย จะได้เห็นฉากหลังชัดๆ อันนี้ f ต่ำไป ฉากหลังเลยเบลอ)

ริมถนนฝั่งซ้ายจะเป็นสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำบางปะกง สวยงามทีเดียว มีต้อนไม้ให้หลบร้อนเป็นระย

ฝั่ง ชายน้ำ บางปะกง ยามแสงอาทิตย์อัสดง ใกล้จะค่ำลง แล้วหนา
แต่บางปะกงนั้นยังคงสวยงามตา คราใกล้สนธยา ยิ่งพาให้เราสุขสันต์
นึกถึงเพลงนี้ทุกทีที่เห็นแม่น้ำบางปะกง

ฝั่งตรงข้ามมีศาลเจ้าข้างศาลหลักเมือง แวะเข้าไปดูอีกแล้ว^^

ศาลหลักเมือง ทุกเมืองก็ต้องมี

ของจังหวัดนี้มีไก่เต็มเลย

เห็นคอไก่โผล่จากน้ำแบบนี้นึกถึงล็อกเนส สัตว์ประหลาดแห่งเดดซี 

มีคนมาไหว้เรื่อยๆ 

ถัดมาก็จะผ่านกำแพงเมืองเก่าหน้าเรือนจำ ตรงข้ามเรือนจำจะมีห้องน้ำ(ถามรปภ.ดูได้ เราเป็นนักท่องเที่ยว อย่ากลัวที่จะถ่ามอะไรใคร) เผื่อใครอยากเข้าไปปลดทุกข์หรือล้างๆหน้าล้างตาถ้าแดดร้อนเกินไป

เลยกำแพงเมืองเก่าเจอร้านกาแฟตรงมุมถนน บรรยากาศชิลๆ ช่างคอนทราสต์กับความยุ่งเหยิงของสายโทรศัพท์ด้านบน^^

ปั่นต่อไปอีกนิดก็ถึงวันโสธร เข้ามาในวัดนี้มีแต่คนบ่นร้อน อาจจะเป็นคนบาปที่เข้าวัดแล้วจะร้อน^^ หรือไม่ก็เพราะต้นไม้ในวัดมีน้อยมาก มีแต่ต้นไม้เล็กๆ แดดเปรี้ยงๆ

เป็นวัดหินอ่อนสีขาว ดูใหม่ไป ไม่ขลัง

ข้างหน้าคนเยอะ เราเข้าข้างหลัง ติดแม่น้ำบางปะกง แน่นอนว่ามีคนขายปลาให้เราเอาไปปล่อยเอาบุญ แล้วเขาก็จับมาขายเราใหม่

พยายามจะเก็บยอดวัดให้หมด แต่ได้แค่นี้ วันหลังต้องเอาเลนส์ wide มา

ซื้อของฝากต้องมีอยู่ในโปรแกรมทัวร์ ออกจากวัดปั่นไปซื้อชิฟฟ่อนเจ้าดังปูกะเอ จัดไป 3 กล่อง 286 บาท กล่องละ 10 ชิ้น เอาไปขายชิ้นละ 12 กำไร 74 บาท^^ อร่อยจริงๆ ขอบอก!
ปั่นกลับแดดร้อน เข้าไปพักในสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ รถไอติมเข็นมาพอดี ใส่ขนมปัง 10 บาท

เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงแปดริ้ว ถ่ายกับป้ายสักหน่อย ขามาเห็นสถานีรถไฟแปดริ้วแว๊บๆ เป็นสถานีเล็กๆ มีแต่ศาลา

เที่ยงพอดี ได้เวลาอาหาร แม้จะซื้อโน่นนี่ตามข้างถนนกินมาตลอดทางก็ตาม^^ มาแปดริ้วต้องกินปลาช่อน ทำไมเหรอ? ก็เพราะชื่อแปดริ้วมาจากปลาช่อนตัวเบ้อเริ่มที่เอาไปตากแห้งแล้วแตกเป็นริ้วๆถึง 8 ริ้ว

กลับมาถึงตลาดบ้านใหม่ก็เดินเที่ยวในตลาด

ไม่เฉพาะช่วงนี้ที่ยุค 90 กำลังฮิต ที่นี่ขายของเล่นยุค 90 มาแต่ไหนแต่ไรเล้ว เหมือนหยุดเวลาไว้แค่นี้

วันนี้คนไม่เยอะเท่าไหร่เนื่องจากฝนตก

วันนี้ซัดชาเย็นไป 2 แก้ว 

บรรยากาศในตลาด วินเทจสุดๆ มีดีเจคอยพูดเสียงตามสายด้วย

เป็นตลาดที่อยู่ติดแม่น้ำบางปะกง น้ำคงขึ้นๆลงๆ ใจอนงค์ก็คงเลอะเลือนกะล่อน 

ของกินในตลาดก็มีให้เลือกเพียบ โดยเฉพาะขนมโบราณ

ในตลาดก็มีศาลเจ้า เรียกได้ว่าที่นี่มีครบทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม (มีมัสยิดกลางอยู่ด้วย แต่ทริปนี้ไม่ได้แวะ)

เป็นจุดพักกลางตลาด มีปล่อยปลาปล่อยเต่า ปล่อยปลาไหล

ป้ายตลาดบ้านใหม่มีหลายแห่งมาก ไม่ต้องไปแย่งถ่ายกันข้างหน้า^^


เอาล่ะ วนรอบตลาดแล้ว ซื้อของเต็มไม้เต็มมือ ก็ปั่นไปขึ้นรถกลับบ้านเป็นอันจบทริป ใช้เวลาตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงประมาณ 3-4 ชั่วโมง ได้เจออะไรที่ไม่เคยเจอเพียบ ปั่นไปช้าๆ มีเวลามองอะไรนานขึ้น เห็นรายละเอียดเยอะขึ้น และยังมีเวลาทักทายกับคนที่เจอระหว่างทาง นี่แหละข้อดีของการเที่ยวด้วยจักรยาน